Thursday, 23 March 2023

เมสซี, เอ็มบัปเป้ นำทัพ! ทีมยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2022

รวบรวม 11 นักฟุตบอลฟอร์มโดดเด่นที่สุด เข้ามาติดทีมยอดเยี่ยมประจำศึก ฟุตบอลโลก 2022 ของเรา

ฟุตบอลโลก 2022 สิ้นสุดลงแล้ว ด้วยจำนวนประตูที่เยอะมากเป็นประวัติการณ์ รวมถึงเกมสุดดราม่ามาก และปิดท้ายด้วยรอบชิงชนะเลิศที่ตื่นเต้นเร้าใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้

อาร์เจนตินาเอาชนะฝรั่งเศสในนัดชิงแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ โดยในที่สุด ลิโอเนล เมสซี ก็ยุติการรอคอยถ้วยแชมป์ที่ต้องการมากที่สุดในชีวิตการค้าแข้งจนได้ และเปลี่ยนมาเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแบบไร้ข้อโต้แย้งใดๆก็ตาม

นอกเหนือจากนั้น เมสซี ยังครอบครองรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมไปครองได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเขาคือตัวเลือกแรกในทีมยอดเยี่ยมประจำศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่จัดโดย GOAL

เอ็นโซ เฟร์นานเดซ

ส่วนอีก 10 คนที่เหลือมีผู้ใดกันบ้าง ฟุตบอลโลก 2022 ติดตามได้ที่ด้านล่าง

ผู้รักษาประตู : เอมิเลียโน มาร์ติเนซ (อาร์เจนตินา)

หลังจากเสีย 2 ประตูให้กับซาอุดีอาระเบียในเกมแรก หลังแล้วต่อจากนั้น มาร์ติเนซ ก็ไม่ปล่อยให้เกมรับของทีมต้องลำบากอีกเลย

นายด่านจากแอสตัน วิลลา มีทั้งลูกเซฟสุดสำคัญหลายคราในเกมเวลาปกติ ทั้งยังโชว์ความเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับในการเซฟจุดลูกโทษได้อย่างน่าทึ่ง

โดยเฉพาะในนัดชิงแชมป์ ที่เขาเซฟลูกยิงจ่อๆของ ร็องดาล โกโล มูอานี ช่วงท้ายเกมของขยายเวลาพิเศษ รวมถึงยังเซฟลูกจุดลูกโทษของ คิงส์ลีย์ โกมาน กระทั่งพาทัพฟ้าขาวครองแชมป์โลกสมัยที่ 3

และแน่นอนว่าเขาคือผู้คว้ารางวัลผู้เฝ้าประตูยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันแบบสมควรด้วยประการทั้งปวง

แบ็คขวา : อัชรอฟ ฮากิมี (โมร็อกโก)

แบ็คขวาจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ด้วยการเป็นกำลังสำคัญในการพาโมร็อกโกสร้างเซอร์ไพรส์ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ

โมเมนต์สำคัญของ ฮากิมี ควรจะเป็นการยิงจุดลูกโทษเป็นคนสุดท้ายด้วยการชิพแบบปาเนนก้าสุดคลาสสิค พาโมร็อกโกโค่นทีมใหญ่อย่างสเปน

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : นิโกลัส โอตาเมนดี้ (อาร์เจนตินา)

ด้วยวัยที่ล่วงมาถึง 34 ปีแล้ว ทำให้ไม่มีใครคาดหวังว่า โอตาเมนดี้ จะยังคงทำผลงานดีราวกับก่อนหน้า

แต่ป้อมหลังจากเบนฟิก้ากลับทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ด้วยการใช้ประสบการณ์ความเก๋ารอเป็นหัวใจในแนวรับของอาร์เจนตินา ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีจังหวะพลาดทำเสียจุดโทษลูกแรกในนัดชิงชนะเลิศ แต่นอกจากนี้ก็จัดว่าเขาโชว์ฟอร์มได้ดีเกินความคาดหมายทีเดียว

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (โครเอเชีย)

การโดน ลิโอเนล เมสซี หลอกจนกระทั่งปั่นป่วนในรอบรองชนะเลิศ ไม่สามารถบดบังความยอดเยี่ยมของกองหลังวัยเพียงแค่ 20 ปีได้อย่างไม่ต้องสงสัย

กวาร์ดิโอล เป็นที่จำอีกทั้งภาพลักษณ์ที่ใส่หน้ากากลงสนามทุกเกม รวมถึงยังเป็นแนวรับที่เล่นได้โดดเด่นและนิ่งเกินวัย และคงจะจัดเตรียมทำเงินก้อนโตให้ต้นสังกัดอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิด ถ้าหากว่าถูกขายไปให้ทีมยักษ์ใหญ่

แบ็คซ้าย : เตโอ แอร์กน็องเดซ (ฝรั่งเศส)

แบ็คซ้ายจากเอซี มิลาน ออกตัวเกมแรกด้วยการเป็นตัวสำรองของพี่ชายตัวเองอย่าง ลูกัส แอร์กน็องเดซ

แต่หลังจาก ลูกัส เจ็บตั้งแต่ต้นเกม และต้องพักยาวหลังแล้ว น้องชายอย่าง เตโอ ก็คว้าจังหวะไว้ได้ยอดเยี่ยม เมื่อจัดการยึดตัวจริงยาวมาจนกระทั่งรอบชิงแชมป์

ด้วยความที่เป็นนักเตะในตำแหน่งแบ็คอาชีพเพียงผู้เดียวของทีม ทำให้ เตโอ มีลักษณะเด่นที่การเติมเกมยอมรับได้อย่างไหลลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติมไปยิงประตูขึ้นนำโมร็อกโกในรอบตัดเชือก

เอ็มบัปเป้

คนที่เหลือรับประกันได้เลยว่ามีแต่ตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น

กองกลาง : โซฟยาน อัมราบัต (โมร็อกโก)

มิดฟิลด์จากฟิออเรนตินา แจ้งเกิดได้อย่างไม่มีผู้ใดคาดคิดในทัวร์นาเมนต์นี้

อัมราบัต นับว่าเป็นห้องเครื่องคนสำคัญที่รอเคลื่อนเกมของโมร็อกโกทั้งรุกและรับ ด้วยคุณลักษณะเด่นการวิ่งไม่มีหมด และพร้อมสู้บู๊ทุกจังหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อตที่ถูกยกย่องอย่างยิ่ง คือการวิ่งตามไปทิ่มสกัดแย่งบอลจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้อย่างยอดเยี่ยม

แน่ๆว่าฝีเท้าขนาดนี้ เขาคงจะได้อยู่กับฟิออเรนตินาอีกไม่นาน และเตรียมถูกทีมยักษ์ใหญ่ทุ่มเงินคว้าตัวไปเสริมทัพในไม่ช้านี้

กองกลาง : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (อาร์เจนตินา)

ดาวรุ่งจากเบนฟิก้า ออกตัวเกมแรกด้วยการเป็นตัวสำรอง แต่หลังจากได้โอกาสลงตัวจริงในเกมที่สอง และจัดการยิงใส่เม็กซิโกได้ด้วย เขาก็กลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีมแบบถาวร

และการเป็นตัวหลักของอาร์เจนตินาด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปี ก็ส่งให้ เฟร์นานเดซ ครอบครองรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ไปครอบครอง และด้วยฟอร์มขนาดนี้ แน่นอนว่าเบนฟิก้าจัดเตรียมทำเงินก้อนโตจากการขายเขาให้ทีมยักษ์ใหญ่เร็วนี้ๆ

ตัวรุกฝั่งขวา : ลิโอเนล เมสซี (อาร์เจนตินา)

อาจไม่ต้องบอกอะไรกันมากสำหรับนักเตะรายนี้

เมสซี ประกาศก่อนเริ่มการแข่งขันแล้วว่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของตนเอง พร้อมกับถูกตั้งปัญหามากว่าด้วยวัย 35 ปี เขาจะทำผลงานระดับมาสเตอร์พีซได้อีกหรือเปล่า

สุดท้ายเขาตอบปัญหาเหล่านี้ ด้วยการกดไปถึง 7 ประตู คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมพร้อมด้วยเติมเต็มความฝันด้วยการได้ชูถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

หน้าต่ำ : อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส)

จากนักเตะที่เสมือนจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทว่า กรีซมันน์ กลับมาเล่นก้าวหน้าอีกรอบในหน้าที่ใหม่

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่ปรึกษาของฝรั่งเศสปรับตำแหน่งให้ตัวรุกจากแอตเลติโก มาดริดถอยต่ำลงมายืนเป็นราวกับกองกลางเลข 8 ซึ่งกลายเป็นว่าเขาบางครั้งอาจจะทำผลงานได้ดีมากยิ่งกว่าตอนเล่นเป็นหน้าต่ำก่อนหน้าที่ผ่านมาเสียอีก

แม้ว่าจะยิงประตูด้วยตัวเองมิได้ แต่เขาก็ทำไปถึง 3 แอสซิสต์ แปลงเป็นนักเตะปิดทองหลังพระของฝรั่งเศสประจำทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแท้จริง

ตัวรุกฝั่งซ้าย : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)

เอ็มบัปเป้ พัฒนาตนเองจากดาวรุ่งเมื่อปี 4 ปีก่อนที่รัสเซีย กลายมาเป็นนักฟุตบอลระดับเวิลด์คบาสแบบเต็มกำลังในปีนี้ที่กาตาร์

ดาวเตะจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง กดไปถึง 8 ประตู คว้ารองเท้าทองคำไปครองในฐานะดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์นี้

โชคร้ายที่ยังไม่เพียงพอที่จะพาฝรั่งเศสป้องกันแชมป์ได้ตามที่หวัง

แนวรุก : ฮูเลียน อัลวาเรซ (อาร์เจนตินา)

อีกหนึงนักเตะของอาร์เจนตินาที่เริ่มเกมแรกด้วยการเป็นตัวสำรอง แต่หลังจากยึดตัวจริงได้ในเกมที่สอง หลังแล้วก็เปลี่ยนเป็นกำลังหลักของทีมแบบสุดกำลังกระทั่งจบทัวร์นาเมนต์

อัลวาเรซ กลายมาเป็นคู่หูต่างวัยที่เล่นร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี ได้อย่างพอดี และยังโชว์ความเฉียบคมด้วยการยิงไป 4 ประตู

นั่นทำให้แฟนบอลทีมอื่นๆต่างอิจฉาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กันยกใหญ่ ที่มีสองยอดเยี่ยมแนวรุกดาวรุ่งแห่งสมัยทั้ง อัลวาเรซ รวมทั้ง เออร์ลิง ฮาลันด์ อยู่ในทีม