Thursday, 23 March 2023

"พิธา" โชว์วิสัยทัศน์ เศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งเป้าระดับโลก เริ่มจากท้องถิ่น

“พิธา” โชว์วิสัยทัศน์ เศรษฐกิจดิจิทัล ชี้ ไทยโตมาก แต่ยังรั้งกลางตารางอาเซียน เปิดเผยหลักคิด “ก้าวไกล” วางเป้าไประดับโลก ต้องเริ่มต้นจากเขตแดน ชู “น้ำประปาดื่มได้” เป็นตัวอย่างสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์แนวนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลในประเด็น “เทรนด์ใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล และ ยุทธศาสตร์ด้านของใหม่เพื่อความคงทนถาวร” ร่วมกับแกนนำพรรคการเมืองใหญ่ 5 พรรค ในงานเสวนา “Next Step Thailand 2023 ทิศทางแห่งอนาคต” ความตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจดิจิทัลไทยในตอนนี้มีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 15% ต่อปี

โดยมีการลงทุนจากภาคเอกชนอยู่ที่ราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับได้ว่าเป็นอัตราที่ดีเมื่อเทียบกับการเติบโตด้านเศรษฐกิจทั้งระบบ ที่จีดีพีคาดการณ์การเติบโตอยู่ที่โดยประมาณ 3% แต่กระนั้นหากเทียบกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนด้วยกัน จะพบว่าเมืองไทยอยู่ที่อันดับ 6 ของอาเซียน ทั้งในด้านคาดการณ์การเติบโต และ จำนวนการลงทุน และ เมื่อหันมาดูด้านงบประมาณที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล จะพบว่ารัฐบาลได้ให้งบประมาณด้านแผนงานที่มีความสำคัญในการรบเศรษฐกิจดิจิทัลเพียงแค่ 980 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.03% ของงบประมาณทั้งปวง

ส่วนงบประมาณด้านการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ซึ่งมีอยู่ราวๆ 7.36 พันล้านบาท ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กรมโยธาธิการ และผังเมืองของกระทรวงมหาดไทย ถึง 7.16 พันล้านบาท ซึ่งไม่ตอบโจทย์สำหรับเพื่อการสร้างยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลโดยตรง

พิธา

นายพิธา กล่าวว่า การก้าวไปสู่ เศรษฐกิจดิจิทัล ของประเทศไทย

จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการอาศัยหน้าที่ของภาครัฐ ที่ต้องเข้าไปปรับยุทธศาสตร์ กฎหมาย และโครงสร้างเบื้องต้นด้านดิจิทัลที่ยังล้าหลัง ขัดขวางการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเข้าไปมีหน้าที่ส่งเสริมอีกทั้งในด้านอุปทาน เช่น การเพิ่มงบประมาณให้ได้สัดส่วนกับจุดสำคัญ การลดขั้นตอนในระบบราชการ การส่งเสริมด้านงบประมาณ และการช่วยสนับสนุนบ่มเพาะเอกชนที่มีศักยภาพ

ส่วนในด้านอุปสงค์ คือการที่รัฐเข้าไปเล่นบทบาทลูกค้ารายแรกๆให้สตาร์ทอัพเติบโตได้ สร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุน และ ที่สำคัญคือการเปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ และ อุตสาหกรรมใหม่ๆซึ่งเป็นเหตุผลให้หลักคิดด้านแนวนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของพรรคก้าวไกล มองว่าการกำหนดจุดหมายแม้ว่าจะจะต้องไปให้ถึงระดับโลก หรือระดับภูมิภาคอาเซียน แต่การปฏิบัติจริงที่เกิดขึ้นต้องมาจากพื้นฐานที่สำคัญที่สุด นั่นคือในระดับท้องถิ่นของประเทศ ที่ตอนนี้ยังเต็มไปด้วยวิกฤติคุณภาพชีวิตและปัญหาของประชากร

นายพิธา กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างการทำน้ำประปาดื่มได้ที่เทศบาลตำบลบางทีอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยคณะก้าวหน้า ซึ่งบรรลุเป้าหมายแล้วสำหรับในการพัฒนาคุณภาพของน้ำประปา และ กำลังเริ่มจะมีการติดตั้งเทคโนโลยี IoT (internet of things) ที่จะทำให้กระบวนการผลิตน้ำไปจนกระทั่งถึงการจ่ายค่าน้ำของพลเมืองเข้าระบบดิจิทัลทั้งหมด

นี่คือแบบอย่างของการทำให้ปัญหาของประชาชนกลายเป็นโอกาสสำหรับในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อการโต้ตอบทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และ คุณภาพชีวิตของ ราษฎรไปพร้อมกัน

“บางทีอาจสามารถ เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมของการใช้เศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อลดความแตกต่าง ขจัดปัญหาของประเทศและของราษฎร จากการจัดการปัญหาของบางทีอาจสามารถ ไปสู่การจัดการกับปัญหาของพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ส่งผลให้เกิดการแก้ปัญหาของประชาชนภาคอื่นๆ และของประชาชนทั่วประเทศ และ ของอาเซียนต่อไป นี่เป็นโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแบบพรรคก้าวไกล คือตั้งความมุ่งหมายให้ไปไกลถึงระดับโลก

แต่เริ่มการปฏิบัติจากระดับเขตแดน เปลี่ยนวิกฤติของพวกเราให้เป็นโอกาสใหม่ๆซึ่งจึงควรเกิดขึ้นพร้อมทั้งผู้กระทำระจายอำนาจ การมีงบประมาณที่พอเพียงในระดับแคว้น และ ข้อบังคับที่เอื้อต่อการพัฒนาไปพร้อมๆกันด้วย” นายพิธา กล่าว…

เศรษฐกิจดิจิทัล

“พิธา”ชี้กระจายอำนาจเพิ่มงบแคว้น-ใช้เทคโนโลยีแก้แตกต่าง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รายงานในงานเสวนาหัวข้อ NEXT STEP THAILAND 2023 แนวทางแห่งอนาคต จัดโดยเครือเนชั่น ตอนหนึ่งว่า ตอนนี้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยเทียบเทียบกับอาเซียนในลำดับ 6 แพ้หลายประเทศ พวกเราเติบโตช้าที่สุด สะท้อนระบบนิเวศน์ที่มีปัญหา งบประมาณของเศรษฐกิจดิจิทัล 980 ล้านบาท พอๆกับ 0.03% ของงบประมาณทั้งสิ้น งบประมาณด้านสมาร์ท ซิตี้ 7 พันล้านบาท ส่วนมากงบกระจุกที่กรมโยธาธิการ และ ผังเมือง สะท้อนความไม่ใส่ใจของรัฐบาลตอนนี้

ซึ่งเศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวไกล ต้องคิดไกลกว่าเมืองไทย อย่างน้อยก็ระดับอาเซียน โดยการปฏิบัติอยู่ที่ท้องถิ่น ควรมีพื้นฐาน มียุทธวิธีที่ชัดเจน มีกฎหมายที่นำสมัย และโครงสร้างรากฐาน ระบบอินเตอร์เน็ต รวมทั้งคน มองอย่างอาจสามารถ สมาร์ท ซิตี้ มีระบบระเบียบเทคโนโลยีให้บริการพลเมือง ตัวอย่างเช่น ในเรื่องประปา ที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แต่ปัญหาใหญ่อีกอย่างก็เป็น การไม่กระจัดกระจายอำนาจ เมื่อแคว้นงบประมาณไม่เพียงพอ จำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากกองทุนดิจิทัล

“รัฐบาลของเราต้องมีวิธีคิดที่ดี ต้องใช้เศรษฐกิจดิจิทัลลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน พร้อมกับสร้างอุตสาหกรรมแบบใหม่ๆ ซึ่งเป้าหมายระดับภูมิภาค เป้าหมายระดับโลก เราต้องแก้ปัญหาระดับท้องถิ่นก่อน” นายพิธา กล่าว

ยิ่งกว่านั้น นายพิธา กล่าวต่อว่า ปัญหาที่พลเมืองสะท้อนเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับบริการอินเตอร์เน็ตแพง กสทช. จำเป็นต้องดูแลเรื่องการควบรวม หากประชากรมีทางเลือกลดลง การแข่งขันก็ทำได้ยาก และ รัฐบาลก็มีส่วนช่วยในเรื่องเงินลงทุนให้ถูกลงได้ ผ่อนหนักเป็นเบา